"การเรียนการสอนของเด็กอนุบาลนั้น
จะเป็นการเรียนการสอนแบบหน่วยการเรียนรู้ คือครูจะกำหนดหน่วยการเรียนรู้ขึ้นมา
ซึ่งแต่ละหน่วยนั้นต้องสอดคล้องกับกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเด็ก
หรือสิ่งที่เด็กควรเรียนรู้ให้เหมาะสมกับวัยของเด็ก ตัวอย่างเช่น หน่วยวันพ่อ
หน่วยวันครู หน่วยสัตว์น่ารัก หน่วยบ้าน เป็นต้น
โดยครูจะกำหนดแผนกิจกรรมต่างๆที่เด็กต้องเรียนรู้ หรือเรียกว่าแผนการสอน"
วันพุธที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559
การเรียนแบบโครงการ "Project Approach"
วันนี้ดิฉันขอนำเสนอการเรียนรู้แบบโครงการ "Project Approach" ซึงเป็นนวัตกรรมทางการศึกษาที่ทำให้เด็กได้เกิดวิธีการเรียนรู้ที่แปลกใหม่จากเดิม
การเรียนรู้แบบโครงการเป็นการเรียนรู้ที่เน้นเด็กเป็นสำคัญ
เป็นการเรียนรู้ทั้งในห้องเรียนและนอกห้องเรียน และเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กได้เรียนรู้สิ่งที่ตนเองสนใจหรืออยากเรียนรู้ โดยเด็กๆจะเป็นคนเลือกเรียนในหัวข้อที่ตนเองสนใจ
เด็กๆจะสังเกตจากสิ่งรอบๆตัวหรือในชีวิตประจำวันว่าเด็กๆอยากจะเรียนรู้อะไร
เด็กๆ จะไม่ได้เรียนรู้เรื่องนั้นเพียงอย่างเดียวแต่ครูจำนำวิชาต่างๆมาบูรณาการในกิจกรรมโครงการด้วย
เช่น วิชาภาษาไทย วิชาภาษาอังกฤษ เป็นต้น โดยในการเรียนแบบโครงการนั้นจะใช้เวลาทั้งหมด 2-3อาทิตย์โดยประมาณ Project Approach ยังเป็นวิธีการจัดการเรียนรู้รูปแบบหนึ่งที่เปิดโอกาสให้เด็กเรียนรู้สิ่งต่างๆที่เด็กสนใจในโลกแห่งความเป็นจริงและพบเห็นในชีวิตประจำวัน
ซึ่งเด็กๆสามารถศึกษาได้โดยง่าย ทั้งที่โรงเรียน ที่บ้าน และในชุมชน นอกจากนั้น Project
Approach ยังตั้งอยู่บนรากฐานของทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple
Intelligence) และช่วยพัฒนาจิต 5 ประการ (Five
Minds of the Future) ด้วย Project Approach ทำให้เด็กได้เป็นผู้ลงมือทำการศึกษาสิ่งต่างๆใกล้ตัวเด็กที่เด็กๆสนใจ
และมีคุณค่าที่จะเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งนั้น Projects เปรียบเสมือนเรื่องราวที่สนุกและตื่นเต้น สำหรับเด็กๆ
การเรียนรู้แบบโครงการ "Project Approach" มีขั้นตอนการสอนทั้งหมด 4 ระยะ คือ
ระยะที่ 1 เริ่มต้นโครงการ
ระยะที่ 2 พัฒนาโครงการ
ระยะที่ 3 สรุปโครงการ
ระยะที่ 1 ระยะเริ่มต้นโครงการ
ก่อนเริ่มการเรียนการสอนครูจะใช้คำถาม
ถามเด็กๆก่อนถึงสิ่งที่เด็กๆอยากเรียนรู้ หรือเรื่องที่เด็กๆสนใจของแต่ละคน
โดยเด็กๆแต่ละคนจะสังเกตจากสิ่งของ สิ่งแวดล้อมทั่วไปที่อยู่รอบๆตัวเด็กๆ เช่น ต้นไม้ รถยนต์ น้ำ สัตวืน่ารัก เป็นต้น จากนั้นให้เด็กจะเสนอเรื่องที่เด็กๆอยากเรียนรู้หรือสนใจมาคนละ 1 เรื่องพร้อมเหตผลเพราะอะไรถึงอยากเรียนรู้เรื่องนี้ และครูมีหน้าที่จดบันทึกคำพูดของเด็กๆทุกคนลงแผ่นชาร์ต บางครั้งเด็กบางคนอาจจะยังไม่สามารถเรียบเรียงคำพูดได้ ครูมีหน้าที่กระตุ้นให้เด็กคิดและเป้นสื่อเรียบเรียงคำพูดของเด็ก
จากนั้นครูเลือกหัวข้อที่เด็กๆให้ความสนใจมากที่สุดลงในแผ่นชาร์ต และให้เด็กๆช่วยกันลงมติเลือกเรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจมากที่สุด โดยครูอาจทำเป็นแผ่นชาร์ตแสดงความเห็นของเด็กๆโดยให้เด็กๆเป็นคนเลือกเรื่องที่สนใจเอง ซึ่งแผ่นชาร์ตจะแสดงจำนวนนักเรียนที่สนใจเรื่องไหนมากที่สุด และแสดงให้เห็นว่าเด็กคนไหนสนใจเรื่องอะไรบ้าง
เมื่อได้เรื่องที่เด็กๆเลือกแล้ว ครูสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมที่เด็กรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน และสิ่งที่เด็กๆอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน ครูบันทึกคำพูดของเด็กๆแต่ละคนลงในแผ่นชาร์ต
เมื่อได้เรื่องที่เด็กๆเลือกแล้ว ครูสอบถามเกี่ยวกับประสบการณ์เดิมที่เด็กรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน และสิ่งที่เด็กๆอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เรียน ครูบันทึกคำพูดของเด็กๆแต่ละคนลงในแผ่นชาร์ต
ระยะที่ 2 ระยะพัฒนาโครงการ
ระยะต่อมา ครูและเด็กร่วมกันสนทนาถึงหัวข้อที่จะเรียน โดยครูอาจจะช่วยเด็กๆคิดถึงสถานที่ที่เด็กๆสามารถไปค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน และหาวิทยากรที่จะมาให้ความรู้แก่เด็กๆด้วย อาจขอความร่วมมือจากผู้ปกครอง หรือบุคคลอื่นๆที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญก็ได้ เพื่อที่เด็กๆจะได้เรียนรู้จากของจริง สถานที่จริง สิ่งสำคัญครูจัดทำสื่อการสอนขึ้นมาในแต่ละหัวข้อที่เรียนให้สอดคล้องกับเรื่องที่เรียน โดยต้องคำนึงถึงตัวเด็กเป็นหลักคือ สื่อควรทำให้เด็กเกิดความรู้ความเข้าใจแก่เด็กไม่ควรซับซ้อน หรือเข้าใจยาก เพราะจะทำให้เด็กเกิดความไม่เข้าใจ และเบื่อหน่ายได้
และในกิจกรรมสร้างสรรค์จะมีการประดิษฐ์ผลงานขึ้นมาจากเด็กๆ โดยไม่จำเป็นต้องให้เด็กๆซื้ออุปกรณ์มาประดิษฐ์ผลงานใหม่ๆ แพงๆ แต่อาจนำเศษวัสดุที่เหลือใช้ในห้องเรียน หรือจากที่บ้านสั่งเป็นการบ้านให้เด็กๆนำเศษวัสดุมาโรงเรียนเพื่อเป็นการสิ่งเด็กๆให้มีความรับผิดชอบ และนำมาประยุกต์ใช้ได้เพื่อเด็กจะได้รู้จักใช้วัสดุอย่างเห็นประโยชน์
เด็กๆจะไม่ได้ทำงานศิลปะสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียวแต่เด็กๆจะได้ทำใบงานเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน โดยในใบงานนั้นจะบูรณาการวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ มาช่วยในการสอนเด็กๆ เพื่อฝึกทักษะด้านต่างๆของเด็กๆด้วย
และในกิจกรรมสร้างสรรค์จะมีการประดิษฐ์ผลงานขึ้นมาจากเด็กๆ โดยไม่จำเป็นต้องให้เด็กๆซื้ออุปกรณ์มาประดิษฐ์ผลงานใหม่ๆ แพงๆ แต่อาจนำเศษวัสดุที่เหลือใช้ในห้องเรียน หรือจากที่บ้านสั่งเป็นการบ้านให้เด็กๆนำเศษวัสดุมาโรงเรียนเพื่อเป็นการสิ่งเด็กๆให้มีความรับผิดชอบ และนำมาประยุกต์ใช้ได้เพื่อเด็กจะได้รู้จักใช้วัสดุอย่างเห็นประโยชน์
เด็กๆจะไม่ได้ทำงานศิลปะสร้างสรรค์เพียงอย่างเดียวแต่เด็กๆจะได้ทำใบงานเกี่ยวกับเรื่องที่เรียน โดยในใบงานนั้นจะบูรณาการวิชาต่างๆ เช่น คณิตศาสตร์ ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ มาช่วยในการสอนเด็กๆ เพื่อฝึกทักษะด้านต่างๆของเด็กๆด้วย
วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2559
ระยะที่ 3 ระยะปิดโครงการ
ในระยะนี้ ถือเป็นระยะสำคัญ เด็กและครูร่วมกันสรุปเรื่องที่ได้เรียนมาตลอดโครงการว่าเด็กๆได้รับความรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนบ้าง และในวันการเรียนการสอนวันสุดท้ายจะมีการจัดนิทรรศการแสดงผลงานของเด็กๆในตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาว่าเด็กๆได้เรียนรู้อะไรบ้าง เด็กๆจะเป็นผู้นำเสนอเนื้อหาต่างๆตามหัวข้อที่เรียนโดยได้รับมอบหมายและฝึกซ้อมจากครูประจำชั้นจากเด็กๆเอง
โดยในนิทรรศการจะมีการแสดงโชว์ผลงานและใบงานต่างๆของเด็กๆที่ได้เรียนเกี่ยวกับโครงการทั้งหมด โดยเชิญนักเรียนห้องอื่นและผู้ปกครอง มาชมนิทรรศการที่เด็กๆและครูได้จัดเตรียมไว้ ถือเป็นการปิดโครงการ
สิ่งที่เด็กจะได้รับจากการเรียนรู้แบบโครงการนั้น
- ทําให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ช่วยบูรณาการความรู้ ทักษะ และนําเสนอในห้องเรียน เด็กได้ประยุกต์และใช้สิ่งที่ตน เรียนรู้ พัฒนาทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่นและท้าทายให้เด็กคิด เป็นการสนับสนุนพัฒนาการเด็กทางด้านสมอง เด็กมักจะมีคําถามของตนเองและสนใจที่จะเรียนรู้ใช้แหล่งข้อมูลต่างๆ รวมทั้งตัวครูในการหาคําตอบ ครูควรจะรับฟังสิ่งที่เด็กพูดและสิ่งที่เด็กถามอย่างจริงใจ ผลสําเร็จของการทําโครงการจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิม สิ่งแวดล้อม ความสนใจและ ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กเป็นอยางมาก
- ทําให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ช่วยบูรณาการความรู้ ทักษะ และนําเสนอในห้องเรียน เด็กได้ประยุกต์และใช้สิ่งที่ตน เรียนรู้ พัฒนาทักษะการทํางานร่วมกับผู้อื่นและท้าทายให้เด็กคิด เป็นการสนับสนุนพัฒนาการเด็กทางด้านสมอง เด็กมักจะมีคําถามของตนเองและสนใจที่จะเรียนรู้ใช้แหล่งข้อมูลต่างๆ รวมทั้งตัวครูในการหาคําตอบ ครูควรจะรับฟังสิ่งที่เด็กพูดและสิ่งที่เด็กถามอย่างจริงใจ ผลสําเร็จของการทําโครงการจึงขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิม สิ่งแวดล้อม ความสนใจและ ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กเป็นอยางมาก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)